“คนสำราญ งานสำเร็จ” สุดยอดนักบริหารการศึกษาต้องรู้จักการบริหารคนได้ ใช้คนเป็น วางคนให้เหมาะสมกับงาน ดูแลคนทำงานให้มีความสุข เมื่อคนมีความสุขในการทำงานและอยู่ในองค์กร ผลสำเร็จของงานและความสำเร็จในองค์กรก็จะตามมา นี่คือคำขวัญกลุ่มที่ถือเป็นหัวใจของกลุ่มว่าที่รองผู้อำนวยการสถานศึกษา “สามสำราญ”
กลยุทธ์ที่ 1 : การปกครองประเทศ : ยืนหยัดมั่นคงอยู่บนหนทางที่ถูกต้องเฉกเช่นดาวเหนือ
– การปกครองบ้านเมืองเปรียบได้กับการดูแลครอบครัวเราต้องสร้างรากฐานให้มั่นคงเสียก่อนเมื่อรากฐานมั่นคงแล้ว ส่วนอื่น ๆ ก็จะมิเกิดความผิดพลาด รากฐานของครอบครัวก็คือ หัวหน้าครอบครัว
– ในการปกครองประเทศ ผู้ปกครองเปรียบเหมือนดาวเหนือ ซึ่งทำหน้าที่นำทาง
ขงเบ้ง กล่าวว่า “…ข้าราชบริพารเปรียบเหมือนดวงดาวที่โคจรอยู่ใกล้ดาวเหนือ ประชาชนเปรียบเสมือนบริวารของดาวดวงอื่น ๆ ในท้องฟ้ายามราตรี ตำแหน่งและทิศทางของดาวเหนือต้องไม่เปลี่ยนแปลงเพื่อไม่ให้การโคจรของดาวดวงอื่น ๆ สับสน ดังนั้น การเป็นผู้ปกครองที่หนักแน่นและมั่นคง พร้อมด้วยแผนดำเนินการที่เหมาะสม ถือเป็นรากฐานสำหรับการเจริญเติบโตอย่างเข้มแข็งของรัฐ หรือ องค์กร…”
กลยุทธ์ที่ 2 : ความสัมพันธ์ระหว่างผู้บังคับบัญชากับผู้ใต้บังคับบัญชา : จงทำให้ความเคารพนับถือและความจงรักภักดี เป็นโซ่ร้อยรัดระหว่างกัน
– ผู้บังคับบัญชามีหน้าที่ปฏิบัติต่อผู้ใต้บังคับบัญชาของตนด้วยความเมตตาปรานี
– ผู้ใต้บังคับบัญชามีหน้าที่ปฏิบัติงานของตนด้วยความซื่อสัตย์สุจริต
– ผู้บังคับบัญชาต้องปฏิบัติต่อผู้ใต้บังคับบัญชาของตนอย่างสุภาพ
– ผู้ใต้บังคับบัญชาต้องรับใช้ผู้บังคับบัญชาของตนด้วยความจงรักภักดี
– ผู้บังคับบัญชามิควรออกคำสั่งเพียงอย่างเดียว แต่ควรแสดงความใส่ใจ เป็นห่วง และชื่นชมด้วย
– ผู้บังคับบัญชาต้องเมตตาและคำนึงถึงความรู้สึกของผู้ใต้บังคับบัญชาด้วย
– ผู้ใต้บังคับบัญชาควรยึดถือความซื่อสัตย์สุจริตเป็นคุณธรรมประจำใจ
– มีเพียงคนชั่วไร้ความภักดีอย่างจริงใจเท่านั้นที่จะกลับกลอกเมื่อต้องตกที่นั่งลำบาก
– ผู้บังคับบัญชาที่ไม่ไว้วางใจผู้ใต้บังคับบัญชา ในที่สุดก็จะเหลือตัวคนเดียว
– เมื่อใดที่ผู้บังคับบัญชาและผู้ใต้บังคับบัญชาเข้ากันได้ดี ประเทศชาติก็จะมีสันติสุขและเจริญรุ่งเรือง
– เมื่อใดที่ผู้บังคับบัญชาและผู้ใต้บังคับบัญชาไม่ไว้วางใจซึ่งกันและกัน หรือ เกลียดชังกัน ประเทศชาติก็จะมีแต่ความระส่ำระสายและความทุกข์ยาก
กลยุทธ์ที่ 3 : เปิดหูเปิดตาให้กว้าง : จงเป็นผู้นำที่ฉวยโอกาสตามสถานการณ์
เล่าปี่ : ท่านขงเบ้ง ผู้นำควรเปิดหูเปิดตาให้กว้าง เพื่อที่จะได้รู้สถานการณ์ต่าง ๆ ในบ้านเมืองใช่หรือไม่
ขงเบ้ง : ถูกต้อง ท่านเข้าใจได้ดีมาก
เล่าปี่ : ข้าสามารถมองเห็นดวงจันทร์และดวงดาวอันไกลโพ้น
ขงเบ้ง : การเข้าใจสิ่งต่าง ๆ อย่างผิวเผิน ไม่เพียงพอสำหรับการเป็นผู้นำ ท่านจะอ้างว่า ท่านมีสายตาแหลมคมไม่ได้ ถ้าท่านมองไม่เห็นความทุกข์ยากของราษฎร ท่านจะอ้างว่าท่านมีหูไวไม่ได้ ถ้าท่านไม่ได้ยินเสียคร่ำครวญของราษฏร
กลยุทธ์ที่ 4 : รับฟังความเห็นของผู้อื่น : เปิดใจให้กว้างกับความคิดเห็นของผู้อื่น เพราะคำพูดที่ดีมีแต่ให้ประโยชน์
– ผู้ปกครองที่ฉลาดควรเปิดใจให้กว้าง กับข้อเสนอแนะ ความเห็น และแม้กระทั่งคำวิพากษ์วิจารณ์จากผู้อื่น
– ผู้ปกครองที่ฉลาดมักจะแวดล้อมไปด้วยผู้ใต้บังคับบัญชาที่ซื่อสัตย์และตรงไปตรงมา
– ผู้ปกครองที่โง่เขลาก็จะมีแต่ลูกน้องที่ชั่วร้ายประเภทชอบเลียแข้งเลียขารุมล้อม
ท่านขงเบ้ง กล่าวว่า “…ยาดีมักจะมีรสขม คำแนะนำที่ดีมักจะไม่เสนาะหู ผู้ที่อยู่ในตำแหน่งสูงส่ง แต่ยินดีรับฟังแม้แต่คำวิจารณ์ที่ตรงไปตรงมา นับเป็นบุคคลที่น่ายกย่องสรรเสริญ…”
กลยุทธ์ที่ 5 : มีความหยั่งรู้ : สามารถเข้าใจรายละเอียดปลีกย่อย และแยกแยะระหว่างความถูกต้องกับความผิดได้ชัดเจน
– สองอย่างนี้แตกต่างกัน แม้มันจะคล้ายกันมากก็ตาม
– คนเขลาบางคนเข้าใจผิดคิดว่า หินสีขาว คือ หยกที่มีค่า และเข้าใจว่า ตาของปลาคือไข่มุก
– ขุนนางที่ดี กับ ขุนนางที่ชั่วร้าย ต่างกันไกลราวคนละขั้วโลก แต่ก็ยากที่จะแยกแยะ ถ้ามองแต่เพียงภายนอก
– เราอาจจะถูกชี้นำไปในทางที่ผิด ถ้าตัดสินอย่างผิวเผิน จากคำพูดและการวางตัว
– ผู้ปกครองจะต้องตัดสินด้วยความรอบคอบอย่างมากว่า อะไรถูก อะไรผิด
กลยุทธ์ที่ 6 : การบริหารคน : ให้ความรู้แก่ประชาชนเพื่อชักจูงให้มาเป็นพวกเดียวกัน
– ผู้ปกครองประเทศต้องให้ราษฎรรู้ถึงเป้าหมายและแผนการของตน เพื่อจะได้เข้าใจนโยบายของราชสำนัก
– ผู้ปกครองประเทศต้องร่างระบบกฏหมายที่ครอบคลุมขึ้นมาเป็นสิ่งแรก
– และต้องให้ประชาชนรับรู้โดยทั่วถึงกัน
– เมื่อประชาชนรวมใจเป็นหนึ่งเดียว ก็จะสามารถชนะสงครามได้ทุกครั้ง
กลยุทธ์ที่ 7 : การสรรหาบุคลากร : สรรหาผู้ที่เหมาะสมและว่าจ้างผู้ที่มีความรู้ความสามารถ
– หนึ่งในกลยุทธ์ที่สำคัญของการปกครองประเทศ คือ การบรรจุคนที่ตรงไปตรงมา มีความรู้ความสามารถในตำแหน่งสำคัญ ๆ เพื่อป้องกันการใช้เล่ห์เหลี่ยม ประจบสอพลอ และฉกฉวยประโยชน์ใส่ตน
– หลักสำคัญในการดูแลรักษาสุขภาพ คือ ควบคุมการหายใจให้สม่ำเสมอ และสร้างสมพลังหลักสำคัญในการบริหารประเทศ คือ การสรรหาผู้ที่เหมาะสมและว่าจ้างผู้ที่มีความรู้ความสามารถเข้ามาทำงาน
– ประเทศที่ผู้ปกครองมีความรู้ความสามารถเปรียบเสมือนบ้านที่มีเสาหลักคอยค้ำจุน
– ต้นไม้ที่ให้เนื้อไม้ที่ดีสำหรับนำมาทำเป็นเสาหลักได้ มักจะถูกพบในป่าลึกบนภูเขาที่ห่างไกล คนมีความสามารถเหมาะสมที่จะช่วยนำความมั่นคงและเจริญรุ่งเรืองมาสู่ประเทศชาติ มักจะปะปนอยู่ในกลุ่มคนธรรมดาสามัญ ซึ่งจะต้องค้นหาอย่างตั้งใจจริง
– ผู้ปกครองประเทศจะสร้างสันติสุขและความเจริญรุ่งเรืองให้แก่ประเทศชาติได้ต้องมีคนดีมีฝีมือเข้ามาช่วยทำงาน
– นักปราชญ์โบราณ พยายามอย่างมากที่จะเสาะหาคนดีมีความรู้ ความสามารถ
– คนดีมีฝีมือเป็นกุญแจที่นำไปสู่ความสำเร็จในทุกกิจการ
กลยุทธ์ที่ 8 : การประเมินผลงาน : ส่งเสริมคนดีมีปัญญาและถอดถอนคนเลว
– ถ้าผู้ปกครองต้องการให้ราชสำนักปราศจากการฉ้อราษฎร์บังหลวง มีความเข้มแข็งมั่นคงและเจริญรุ่งเรือง เขาจำเป็นต้องจัดให้มีการประเมินผลการทำงานของเหล่าขุนนาง
– ผู้ที่มีผลงานดีเยี่ยม สมควรได้รับการเลื่อนตำแหน่ง ผู้ที่ไม่มีผลงานก็สมควรถูกปลด
Q : การประเมินผลงานเป็นสิ่งสำคัญ เกณฑ์ในการประเมินมีอะไรบ้าง ?
A : ผู้ปกครองจะต้องเข้าใจความทุกข์ยากของราษฎรและใช้ความรู้สึกของราษฎรเป็นเกณฑ์ในการประเมินเหล่าขุนนาง
– ขุนนางบางคนใช้อำนาจไปในทางมิชอบ หาประโยชน์ให้ตัวเอง หลอกลวงผู้บังคับบัญชา และกดขี่ข่มเหงราษฎร
– ขุนนางอีกประเภทหนึ่ง คือ ไม่ทำตามกฎหมายบ้านเมือง และใช้วิธีการลงโทษตามความพอใจของตนเอง
Q : มีขุนนางบางประเภทรวมตัวกันเป็นก๊กเป็นเหล่าแสวงหาผลประโยชน์ใส่ตัวจากเงินของประเทศ
A : ขุนนางที่ฉ้อราษฎรบังหลวงทุกคนต้องถูกปลดออกให้หมด
– ผู้ปกครองที่โง่เขลา มักจะมีวิสัยทัศน์แคบ และชอบใช้ความรู้สึกส่วนตัว เป็นเกณฑ์ตัดสินการประเมินผู้ใต้บังคับบัญชา
Q : ท่านใช้หลักเกณฑ์อะไรในการเลื่อนตำแหน่ง หรือ ปลดผู้ใต้บังคับบัญชา ?
A : ก็ใช้เกณฑ์ที่ว่า เขาอุทิศเพื่อความสำเร็จของราชสำนักหรือไม่ การใช้ความรู้สึกส่วนตัวมาเป็นเกณฑ์ตัดสิน เป็นสิ่งอันตราย
กลยุทธ์ที่ 9 : การบริหารจัดการกองทัพ : วางแผนยุทธศาสตร์ให้รัดกุมแล้วจะเป็นผู้ชนะ
– การระดมผล การเปิดฉากสงคราม และการป้องกันประเทศ เป็นเรื่องสำคัญอย่างยิ่ง ซึ่งจะต้องไม่ด่วนตัดสินใจ
กลยุทธ์ที่ 10 : การให้รางวัลและการลงโทษ : ใช้ระบบการให้รางวัลและการลงโทษ เพื่อการจัดการที่โปร่งใสและมีประสิทธิภาพ
– ผู้ปกครองที่ต้องการให้มีการปกครองที่โปร่งใสและมีประสิทธิภาพ ต้องรู้จักให้รางวัลผู้ทำความดี และลงโทษผู้กระทำผิด
– การให้รางวัลและการลงโทษต้องบริสุทธิ์ยุติธรรม
– การให้รางวัลไม่ได้ขึ้นอยู่กับยศตำแหน่ง แต่ขึ้นอยู่กับผลงานของเจ้า
– การลงโทษจะต้องเท่าเทียมกัน ไม่มีการเลือกปฏิบัติ
กลยุทธ์ที่ 11 : การใช้อารมณ์ : อย่าให้อารมณ์ครอบงำ
– ผู้ปกครองควรมีบุคลิกลักษณะที่สง่าผ่าเผย และไม่หงุดหงิดง่าย
– ผู้ปกครองต้องระมัดระวังบุคลิกของตัวเองและควบคุมตัวเองให้ได้
– ผู้ปกครองอาจแสดงความไม่พอใจได้ แต่ต้องไม่เกรี้ยวกราด
– ผู้ปกครองอาจจะสนุกสนานร่าเริงได้ แต่ต้องไม่เกินเหตุ
– ผู้ปกครองไม่ควรเอาผลประโยชน์ของชาติไปเสี่ยงเพราะต้องการระบายความแค้นส่วนตัว
– ผู้ปกครองไม่ควรหมกมุ่นอยู่แต่เรื่องส่วนตัวจนละเลยการบริหารประเทศ
กลยุทธ์ที่ 12 : การจัดการความวุ่นวาย : จงรอบคอบเมื่อต้องรับมือกับสถานการณ์ที่วุ่นวาย
Q : ถ้าการบริหารราชสำนักเกิดความสับสนวุ่นวาย ต้องแก้ปัญหาอย่างไร ?
A : ข้อแรก ปลดขุนนางที่มีมากเกินไปออก แล้วบังคับใช้ระเบียบวินัยอย่างเคร่งครัด
– ถ้าการปฎิรูปไม่ได้ทำอย่างเหมาะสม หรือ หุนหันพลันแล่นเกินไป จะยิ่งทำให้เกิดความระส่ำระสายมากขึ้น
– การปฏิรูปต้องทำอย่างรอบคอบ สอดคล้องตามสภาวการณ์ของประเทศและความต้องการของประชาชน
กลยุทธ์ที่ 13 : ความรู้และการออกคำสั่ง : ทำตัวเองให้ดีก่อน ก่อนจะออกคำสั่งกับผู้อื่น
– ผู้ปกครองประเทศที่ทำอะไรตามสบาย แต่กลับเข้มงวดกับลูกน้องของตน ถือเป็นการปฏิบัติที่ไม่ถูกต้อง
– ผู้ปกครองที่เข้มงวดกับตัวเองก่อนออกคำสั่งกับลูกน้อง ถือเป็นการปฏิบัติที่ถูกต้อง
– ผู้ปกครองที่ดีแต่สั่งลูกน้อง โดยที่ตัวเองไม่เคยทำเลย จะสั่งลูกน้องให้ทำตามคำสั่งได้ยาก และเมื่อลูกน้องเพิกเฉยต่อคำสั่งก็จะเกิดความระส่ำระสายขึ้น
– ผู้นำต้องเป็นแบบอย่างที่ดี ทำตัวเองให้ถูกต้อง แล้วค่อยออกคำสั่งกับผู้อื่น นี่เป็นหลักการง่าย ๆ ที่ได้ผลสำหรับความเป็นผู้นำ แต่ก็มักจะถูกมองข้ามไป
กลยุทธ์ที่ 14 : การจัดการกับปัญหา : ดำเนินการอย่างเด็ดขาดเพื่อยุติปัญหาตั้งแต่แรกเริ่ม
– ประเทศต้องมีกฎหมายเช่นเดียวกับบ้านต้องกฎระเบียบ เมื่อกฎหมายและกฎระเบียบถูกกำหนดขึ้นมาแล้ว ทุกคนต้องปฏิบัติตาม
กลยุทธ์ที่ 15 : วิสัยทัศน์ : มองการณ์ไกลและวางแผนอย่างรอบคอบ
– ผู้ปกครองที่ขาดวิสัยทัศน์ หรือไม่มีการวางแผนอย่างรอบคอบจะต้องเผชิญกับความยุ่งยาก
– ความหวังของประชาชนอยู่ที่ผู้ปกครองประเทศ ถ้าผู้ปกครองประเทศไม่สนใจอนาคตของชาติ หรือไม่วางแผนเพื่อพัฒนาประเทศให้เจริญก้าวหน้า ผลกรรมที่ทำเอาไว้ก็จะถูกจารึกไว้ในประวัติศาสตร์
– ไม่ว่าจะทำอะไรก็ตาม เราต้องมีการวางแผนล่วงหน้าเพื่อความสำเร็จ
กลยุทธ์ที่ 16 : การสังเกต : อุทิศตนเพื่อให้ได้มาซึ่งความสำเร็จ
– เราไม่จำเป็นต้องไปอาบน้ำถึงแม่น้ำ ตราบใดที่เราสามารถชำระล้างสิ่งสกปกครองออกจากตัวเองได้
– ม้าไม่จำเป็นต้องเป็นม้าสายพันธุ์ดี ตราบใดที่มันสามารถวิ่งได้เร็ว
– ถ้าเสนาบดี หรือ ขุนพลของเราฉลาดและมีความสามารถเพียงพอ ก็ไม่จำเป็นต้องไปเอานักปราชญ์มารับตำแหน่ง
– ความพยายามอยู่ที่ไหน ความสำเร็จก็อยู่ที่นั่น ผู้ที่มีความมุ่งมั่นย่อมประสบความสำเร็จ
– ผู้ปกครองประเทศ ควรนำความสามารถหลากหลายของราษฎรมาใช้ให้เป็นประโยชน์สูงสุดแก่ประเทศชาติ
– แต่ละคนจะมีประสบการณ์และความสามารถแตกต่างกันไป ผู้นำที่ฉลาดต้องรู้จักใช้ความสามารถที่หลากหลายของบุคคลเพื่อเอาชนะอุปสรรคที่ยากลำบาก
– ดูเหมือนว่าทุกคนมีโอกาสที่จะประสบความสำเร็จได้ ดังนั้นเราจึงไม่ควรยอมแพ้เสียง่าย ๆ
กลยุทธ์การบริหารงานบุคคลทั้ง 16 กลยุทธ์ของขงเบ้งที่กล่าวมานี้ ผู้บริหารองค์กรทุกระดับ รวมถึงผู้บริหารโรงเรียน สามารถนำไปใช้ในการบริหารงานบุคคล ในโรงเรียนได้เช่นกัน
ที่มา : http://www.gotoknow.org/posts/496734